วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2551

เพศวิถีที่ถูกเซ็นเซอร์

แล้ว Brokeback Mountain ที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอก็มาฉายเสียที ขอขอบคุณเคเบิ้ลทีวี ที่ชะลอหนังโปรดจากโรงภาพยนตร์มาตั้งไว้ในห้องนอน แถมยังตั้งเวลาเตือนได้อีกด้วยว่ากำลังจะฉาย ฉันนับเวลาถอยหลังเฝ้าดูฝูงแกะ ทิวเขาเมฆหมอกประกอบซาวนด์ชวนง่วง อย่างอดทนเพื่อรอชมซีนยอดปรารถนาของฉันและใครหลายๆคน นั่นคือ...เลิฟซีน
ฉากรักในเต็นท์ของชายเลี้ยงแกะในชุดคนเลี้ยงวัวอารมณ์เปลี่ยว 2 คน ท่ามกลางทุ่งหญ้าบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ และแล้วฉากนั้นก็มาถึง
ทันทีที่เงาตะคุ่มๆ พระเอก กับ พระเอก ( อีกคน ) โถมตัวกระโจนเข้าแลกน้ำลายกันในความมืดสลัว แสงอาทิตย์ยามอรุณรุ่งก็สาดขึ้นทันทีราวแสงอสุนีบาต ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริศของฉัน
...อ้าว แล้วฉากที่ไอ้หนุ่มเลี้ยงแกะขี้หนาวมันเอากันอย่างดุเดือดจนร้องเป็นเสียงแกะอย่างที่ได้ดูในโรงมันหายไปไหนวะ...

ฉากรักที่ฉันอุตส่าห์เฝ้ารอดูถูกหั่นทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆที่ฉากการจูบกันของเพศเดียวกันจะต้องถูกเซนเซอร์ ถูกทำให้เบลอ ไม่ก็มีรูปอะไรสักอย่างมาบังไว้ ผิดกับเลิฟซีนของผู้หญิงผู้ชายที่แสดงความรักด้วยการกอดจูบลูบคลำกันอยู่ให้เห็นออกดาษดื่น ซึ่งฉันก็เห็นตั้งแต่จำความได้จนมาถึงปัจจุบัน ไม่ยักกะถูกหั่น ถูกบังให้รำคาญตาระคายใจ
...แต่ทันทีที่เพศเดียวกันแสดงความรักด้วยการจูบขึ้นมาบ้างกลับถูกเซ็นเซอร์ขึ้นมาทันที...

เป็นที่เข้าใจได้ว่า อะไรที่ถูกเซ็นเซอร์มักเป็นสิ่งที่ชวนเสียวทั้งนั้น ไม่ว่าจะเสียวแบบ หวาดเสียว สยดสยองชวนพองขน ชวนสะอิดสะเอียน หรือ เสียวสยิว เสียวกระสัน
ดังนั้นจึงอาจทำความเข้าใจได้ว่า การจูบกันระหว่างเพศเดียวกันมันน่าสยดสยองสะอิดสะเอียนกว่า ชวนคลื่นเหียนเจียนไส้กว่า หรืออนาจารมากกว่าการจูบกันระหว่างเพศตรงข้าม
การจูบในบางครั้งกระทำไปเพื่อแสดงออกการสนองตอบความต้องการทางเพศ ซึ่งก็คือความหมายพื้นฐานที่สุดของคำว่า “ เพศวิถี ” ( Sexuality ) ที่แต่ละบุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและสนองตอบความต้องการทางเพศ เราจึงมีเห็นความรักของ ชายหญิง ผู้ชายกับผู้ชาย ผู้หญิงกับผู้หญิง คนแก่กะเด็ก มาโซคิสม์กับซาดิสม์ มากมายหลายหลากในโลกของความเป็นจริง หากแต่โลกของสื่อกลับอ้าแขนต้อนรับให้เพศวิถีเดียวนั่นคือ ความสัมพันธ์ระว่างชายกับหญิงเท่านั้น
ความปรารถนาของแต่ละตัวบุคคลนั้นคือสิ่งที่จะกำหนดตัวตนและอัตลักษณ์ของบุคคลนั้นๆ ดังนั้นเพศวิถีจึงเป็นตัวแสดงตัวตนของแต่ละบุคคล การเซ็นเซอร์การแสดงออกถึงความต้องการของคนหนึ่งย่อมแสดงถึงการไม่ยอมรับอัตลักษณ์ของบุคคลนั้นๆ การเซ็นเซอร์ฉากรักหรือแม้แต่การจูบของเกย์ในโลกสื่อจึงไม่ต่างอะไรไปจากการเลือกปฏิบัติห้ามเกย์และตุ๊ดประกอบอาชีพบางอาชีพ บริจาคเลือด รวมไปถึงการทำประกันชีวิตในบางบริษัท ในโลกของความเป็นจริง
ไม่เพียงแต่ความเพศวิถี ที่ถูกเซนเซอร์ คำว่า “ ตุ๊ด ” ก็ยังถูกดูดเสียงในบทสนทนาของตัวละคร ราวกับว่าคำๆนั้นเป็น taboo language ที่ไม่ควรเอ่ยถึง เดี๋ยวมันจะโผล่มา อย่างที่โบราณเขาว่า เข้าป่าห้ามพูดถึงเสือ ลงเรือห้ามพูดถึงจระเข้
บางทีการเซ็นเซอร์คำๆนี้ อาจเกิดมาจากสังคมมองว่าคนที่เป็นตุ๊ดเป็นสิ่งที่ไม่ดีงาม เสื่อมทราม พลอยทำให้คำว่า “ ตุ๊ด ” ถูกนำใช้เป็นคำด่าและกลายเป็นคำหยาบคายไป
...จนในที่สุดคำว่า “ ตุ๊ด ” และ “ กะเทย ”บนโลกในโทรทัศน์และภาพยนตร์ ตกอยู่ในสถานภาพเดียวกับคำว่า หี ควย แม่มึงตาย...
ดารากะเทย เกย์ ทอมดี้ เลสเบี้ยน ซาดิสม์ มาโซคิสม์ ...ฯลฯ จึงต้องตอนเพศสภาพของตัวเองในโลกที่ใช้ชีวิตอยู่ เพื่อสวมบท ชายหญิง” แสดง ” ความรักใคร่ตามประสา ” คนปรกติ ” ในโลกในจอเงินและจอแก้ว อันที่จริงในโลกที่ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยเหมือนกัน
นอกเสียจากว่าจะถูกจ้างให้เล่นเป็นตุ๊ดหรือทอม ให้ปรากฏอยู่ในจอเพื่อเป็นสีสันประดับเรื่องราว ในฐานะ

“ ตัวตลก ”
โลกในแผ่นฟิล์มและโทรทัศน์ล้วนเป็นโลกเสมือนจริง เป็นการประดิษฐกรรมเพื่อเป็นตัวแทนและทดแทนให้กับโลกแห่งความเป็นจริง มันจึงเป็นเพียง representation ที่ผสมกับความนึกคิดจินตนาการของผู้สร้างลงไปด้วย หากแต่โลกเสมือนจริงอันเป็นโลกแห่งจินตนาการ จะเป็นโลกที่หมูหมากาไก่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ โลกที่ผู้หญิงจะขาวใสได้ใน 7 วันด้วยโฟมล้างหน้าราคาถูกกว่าข้าวหนึ่งมื้อ โลกที่มีซุปเปอร์ฮีโร่ฆ่ายังไงก็ไม่ตายเหาะเหินเดินอากาศได้ โลกที่มนุษย์สามารถทำลายอุกกาบาตที่จะพุ่งมาชนโลกได้สำเร็จ โลกที่ผีดิบนับเรือนแสนลุกขึ้นมาจากหลุมศพแล้วรวมกลุ่มเป็นชุมชนได้... แต่ถึงกระนั้น การร่วมเพศกับเพศเดียวกันกลับยังทำไม่ได้