วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

แฟนใหม่เรา แฟนเก่าเพื่อน


ข่าวที่ค่อนข้างหน้าตื่นเต้นฉันพอๆกับ Madonna เลิกคบกับ Jesus แล้ว (ฉันหมายถึงวงการบันเทิงนะ ไม่ใช่วงการศาสนา) ถึงขนาดสำลักบุหรี่ออกจากปอดหลังจากได้ยินทางโทรศัพท์คือ เพื่อนสนิทฉันคนหนึ่งกำลังคบหากับแฟนเก่าของเพื่อนที่สนิทฉันอีกคนหนึ่งซึ่งเลิกกันได้ไม่นาน และเพื่อนทั้งสองคนของฉันก็เป็นเพื่อนสนิทกัน มิหนำซ้ำยังให้ฉันเข้าไปดูFacebookของทั้งคู่ เพราะว่า ทั้งคู่ต่าง in relationship ด้วยกัน
ฟังดูสับสน แต่ไม่เท่าแผนผังความสัมพันธ์ที่เพื่อนฉันคนแพร่ข่าวพยายามโยงคู่ผัวตัวเมียที่ทับซ้อนกันไปๆมาๆในกลุ่ม ร่วมเกือบ 20 คน จนระโยงระยางกันอีรุงตุงนังเหมือนแผนที่เส้นทางกรมทางหลวง สายไฟบนเสาไฟฟ้าในเขตชุมชน หรือ family tree ของชนชั้นเจ้าสมัยยังเป็น polygamyแบบเปิดเผย
“มันไปสร้างความสัมพันธ์กันตอนไหนวะ ระหว่างคบกันอยู่หรือเลิกกันไปแล้ว”
“นั่นน่ะสิ” คู่สายฉันนิ่งไปพักเหมือนกำลังคิดอยู่ “มันไม่รู้สึกอะไรกันบ้างหรอวะ”
ฉันไม่รู้ว่า “ความรู้สึก” ที่ว่ามันของใคร ของแฟน ของเพื่อน หรือของตัวเอง เพราะถ้าวันใดเราพาแฟนมาเจอเพื่อนๆ ซึ่งเคยเป็นแฟนของเพื่อนมาก่อน
ฉันเคยตกอยู่ในสถานการณ์น่าลำบากแบบนั้นเมื่อฉันไปเดทกับชายคนหนึ่งซึ่งเขาพาไปรู้จักเพื่อนในกลุ่มเขาซึ่งปรากฏว่าเป็นคนที่ฉันเคยนอนด้วยมาแล้วถึง2คน ฉันเคอะเขินเล็กน้อยที่ครั้งก่อนฉันนั่งข้างผู้ชายคนหนึ่ง ครั้งนี้ฉันย้ายตำแหน่งไปนั่งข้างอีกคนในวงสนทนาเดียวกัน แต่เคอะเขินไม่เท่าสายตาประหลาดใจระคนตำหนิความสำส่อนของฉันจนถึงทุกวันนี้ นี่ยังไม่นับความแอบระแวงลึกๆในใจว่าเขาจะไม่เอาไปพูดลับหลังหรือว่า “อีนี้กูเคยอึ๊บแล้ว มึงหาดีๆกว่านี้ไม่ได้รึไง”
เพราะในสังคมไทยที่ “ความเป็นชาย” มีคุณค่ามากกว่า “ความเป็นหญิง” การอึ๊บ ซึ่งบางครั้งเราเรียกว่า “เอา” ไม่เป็นเพียงการเอาจู๋ไปจิ้มจิ๋ม หรือตำตูด แต่เป็นการประกาศสักดาอำนาจและการเข้ายึดครองแบบ “คนนี้กูเคยแล้ว” การเอาแฟนเก่าเพื่อน จึงเป็นการเก็บของเก่ากินใกล้ตัว กินของเหลือจากเพื่อน ซื้อของมืงสอง ได้ของช้ำมีตำหนิ
..รวมไปถึงเคี้ยวหมากฝรั่งต่อจากปากคนอื่น...
ไม่เพียงจะนำไปสู่นำไปสู่การเสียฟอร์มแต่มันยังนำไปสู่การกินแหนงแคลงใจกันว่ามันแอบชอบพอกันตั้งแต่เมื่อไร และการกระตุ้นคำถามในใจลึกๆว่า เพื่อนเราแอบชอบแฟนเราไหม หรือ แฟนเราเคยแอบชอบเพื่อนเราไหม ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมชนชั้นกลางไทยที่เต็มไปด้วยจริตและกรอบ นอกเสียจากว่าเป็นแฟนเก่าเพื่อนที่เลิกกันมานานแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เราควรทิ้งช่วงห่างนานแค่ไหนก่อนที่เราจะเอาแฟนเก่าเพื่อนมาทำแฟน หรือเอาเพื่อนแฟนเก่ามาทำแฟนใหม่
พี่ที่สนิทกันคนหนึ่งซึ่งเป็นทั้งนักศึกษาปริญญาเอกและเพื่อนร่วมงานร่วมงานฉันบอกว่า ความบริสุทธิ์ของเราจะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่เราไม่มีsexแล้ว 6เดือน มันเป็นกระบวนทรรศน์ที่น่าสนใจตรงที่ความบริสุทธิ์มันลื่นไหลผลิตใหม่ได้ ไม่ได้ใช้แล้วหมดไปเหมือนเชื้อเพลิงหรือก๊าซธรรมชาติ แม้ว่ายังคงอยู่บนพื้นฐานของวิธีคิดเรื่องการอึ๊บเอาคือการทำให้ไม่บริสุทธิ์ มีตำหนิและถูกครอบครองอยู่ก็ตาม
แม้แต่ในบางกลุ่มสังคมที่มีวัฒนธรรมย่อย สวิงกิ้ง แลกคู่นอน หรือให้เพื่อนเอาเมียเอาผัวตนเองได้อย่างไม่ถือสา เพราะเพื่อนกันแชร์กันได้ สโลแกนส.บ.ม. “สุขแบ่งมิตร” “สบายมาก” อีกทั้งยังจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ฉันเพื่อนแบบสมบัติผลัดกันชม ไม่รังเกียจรัววอนกัน เหมือนกินน้ำแก้วเดียวกัน ดูดบุหรี่มวนเดียวกัน ทว่า Sex ยังคงเป็นกระบวนการทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งของวัตถุอยู่ดี เพียงแต่ต่างกันที่กลุ่มนี้อาจบรรลุในพุทธศาสนาและใกล้นิพพานมากกว่า เพราะไม่ยึดติด “ตัวกู” “ของกู”
ขณะที่สังคมเอเชียในอดีต sex เป็นเรื่องที่แยกไม่ออกจากจิตวิญญาณและโลกหลังความตาย แต่ดูเหมือนว่าsex ถูกโยงกับโลกทางวัตถุ การสัมผัสมากขึ้น เมื่อเราทำความรู้จักและอยากเป็นชาวอารยันมากขึ้น จนเรามองข้ามไปว่าคู่ของเราที่เป็นแฟนเพื่อนมาก่อน หรือแฟนเก่าเราที่กลายมาเป็นคนรักเพื่อนเรา ก็มีอำนาจในการตัดสินใจ เลือกเป็นเลือกอะไรเป็น และอาจลืมมองไปว่า สักวันเราอาจจะกลายเป็นแฟนของเพื่อนสนิทแฟนเก่าเราก็ได้
บางที ไม่ว่าจะเป็น “แฟนใหม่เราเป็นเพื่อนของแฟนเก่าเรา” หรือ “แฟนเก่าเราเป็นแฟนใหม่เพื่อนเรา” มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือมันมีแรงจูงใจบางอย่างที่เราไม่รู้ตัว คำตอบมันอาจอยู่ในสำนวนเก่าๆที่เป็นชุดความรู้จากโลกสมัยใหม่ที่ ว่า “โลกกลม” ไปหรือ พื้นที่สำหรับคนโสดมันแคบไป หรือบางทีการคบกับแฟนเก่าเพื่อนหรือเพื่อนของแฟนเก่า รู้สึกปลอดภัยและสามารถไว้วางใจได้มากกว่าเพราะเป็นคนที่เรารู้จักมักคุ้นกันมาแล้ว เพราะเรายังคงเชื่อว่าแฟนเพื่อนก็เหมือนเพื่อนเรา สามารถเป็น common friend ใน Facebook หรือ เราสามารถแอดหรือรับแอดแฟนเพื่อนหรือเพื่อนของเพื่อนอย่างไม่ต้องลำบากใจ ซึ่งมันให้สมมุติฐาน “เพื่อนกันย่อมนิสัยเหมือนกัน” เป็นจริงมากขึ้น เพราะคนที่เป็นเพื่อนก็ย่อมมีสเปคหรือรสนิยมที่ใกล้เคียงกัน บางครั้งที่เราหันไปคบกับเพื่อนของแฟนเก่า ไม่ใช่เพราะความสนิทสนมคุ้นเคยเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเขามีอะไรบางอย่างที่ถูกใจเราเหมือนกับเพื่อนเขาที่เป็นแฟนเก่าเรา
...และแน่นอนที่สุด ถ้าเลิกกันไปแล้ว เพื่อนกันมันก็เหี้ยพอๆกัน...