วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2551

อยากสวย


ขณะที่นอนเอกเขนกบนพื้นไม้รับลมแผ่วๆทีแหวกม่านลูกไม้ให้ไหวกระพือเบาๆเข้ามาในห้อง หอบเอากลิ่นแดดยามบ่ายแก่ๆของวันอาทิตย์อันแสนขี้เกียจ ฉันค่อยๆเงี่ยหูฟังเสียงเพลงของ ฉันทนา กิติยาพันธ์ แว่วดังมาจากบ้านข้างๆพร้อมกลับสายลมอุ่น ตอนแรกนึกว่าเสียงของนกสาลิกาที่ไหน

...ไม่มีใครรักคนที่ไม่งาม รูปกายเราทรามไม่สวยเหมือนใคร…

รู้สึกจึ๊ดๆที่หัวใจชอบกลตั้งแต่ได้ยินเนื้อร้อง ฉันหันขวับไปมองตัวเองในกระจก นึกอัศจรรย์ใจที่ชาตินี้ครั้งหนึ่งเคยมีแฟนเป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที สมควรอย่างยิ่งที่จะบรรจุฉันลงในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลียุค หน้าตาแบบนี้ตอนแรกก็คิดว่าดูสวยมาตลอด แต่พอโตขึ้น ดูโทรทัศน์มากขึ้น อ่านนิตยสารมากขึ้น ออกไปพบปะกับผู้คนมากขึ้น ฉันจึงรู้ว่าตนเองไม่ได้สวยสละอย่างที่เข้าใจ ( ผิด ) เลยสักนิด


ฉันผละจากกระจกตัวร้ายหันไปคว้านิตยสารข้างกาย เปิดไปหน้าแฟชั่นเซทชุดว่ายน้ำ มองผ่านๆนึกว่าคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ให้นางแบบคนเดียวกันมีหลายอากัปในฉากเดียวกัน ที่ไหนได้ในเซทนี้มีนางแบบประมาณ 7-8 นางเพียงแต่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไปหมดอย่างกะเฟรนชาย ดูเจ้าหล่อนแต่ละนางสิ ต่างก็มีดั้งเป็นสัน ผมไม่แตกปลาย ร่างระหง นมทะลัก ผิวขาวใส รักแร้เกลี้ยงเกลา ศอกเข่าไม่ด้านดำ ขาไม่ลาย พุงไม่แตกลายงา แถมตีนก็ไม่สาก

...ถูกคนสวยเยาะเราให้เจ็บใจ ผิดแปลกคนไปอย่างไรหรือเรา…

ชิส์... ทำไมฉันไม่สวยเหมือนนังพวกนี้บ้างนะ แม่จะแรดทั้งวันทั้งคืน นอนบ้านคนนั้นคนนี้ ไม่นอนอุตุอยู่บ้านตัวเองในวันหยุดอย่างนี้หรอก
แต่ใครบางล่ะไม่อยากสวย ( ถ้าไม่นับพวกที่สวยอยู่แล้ว ) แต่ในเมื่อความสวยถอดมาจากแท่นพิมพ์เดียวกันเป๊ะ แต่คนอยากสวยดันเกิดออกมาจากคนละแท่นพิมพ์ คนละท้องพ่อท้องแม่ โคตรพ่อโคตรแม่ใครหน้าตายังไงเราก็หน้าตายังงั้น คนสวยจึงเป็นเรื่องของโชคชะตา กรรมเวรไป เหมือนที่ยายฉันบอกว่า คนที่เกิดมาสวยเป็นเพราะชาติที่แล้วทำบุญด้วยดอกไม้ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นได้จริง ชาตินี้ฉันคงต้องสร้างวนอุทยานถวายวัดสะแล้ว ชาติหน้าจะได้เกิดมาสวย แค่ดอกไม้คงไม่พอ


ในโฆษณาหลายต่อหลายชิ้นที่ฉันเห็น ผู้หญิงสวยอย่างที่เค้าว่ากันต่างมัดใจชายได้อยู่หมัด ด้วยมนต์สเน่ห์รักแร้เกลี้ยงเกลา หน้าขาวใสไร้สิว ผมสลวยจับประกายนีออนของหล่อน ทำเอาหนุ่มหล่อทั้งหลายหลงใหลได้ปลื้มมาคอยปรนนิบัติพัดวี ไม่ก็มาเล้าหลือ ยอมตกเป็นเบี้ยล่าง ช่างเป็นสภาวการณ์ที่บรรดาๆสาวเล็กสาวใหญ่ สาวครึ่งๆกลางๆ ซึ่งรวมถึงสาวไม่สวยอย่างฉัน ต้องการให้เสียเหลือเกิน

...ถูกชิงชังไม่สวยดั่งใครเขาซ้ำตัวเราถูกคนหยามเหยียด …


ความสวยพูดง่ายๆก็คืออำนาจดีๆนี่เอง ที่ใครๆต่างก็ไขว่คว้าให้ได้มันมาครอบครอง ใครบ้างล่ะไม่อยากให้ชายหนุ่มรูปงามมาตกต้องเสน่หา คอยพะเน้าพะนอ คลอเคลีย จะได้ไม่ต้องคอยซักผ้ารีดผ้า ทำกับข้าว ล้างแก้วล้างจานให้เหนื่อยกาย
เพราะลึกๆฉันแค่อยากจะมีผู้ชายมาคอยปรนนิบัติรับใช้ ( สักที ) ความสวยจึงกลายเป็นอำนาจบางอย่างที่ฉันอาจใช้ต่อรองให้บรรดาหนุ่มยอมทำตามความต้องการ


หากแต่รูปร่างหน้าตาของฉันมันไม่ใช่บ่อเกิดอำนาจเลยสักนิด ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไม หางตาตกบนหน้าเขรอะๆ พุงโรตัวเตี้ยน่องทู่แบบฉันถึงเรียกว่าขี้เหร่ แล้วยัยแห้งผิวซีดในนิตยสารนั่นกลับเรียกว่าสวย
แต่อย่างไรก็ตาม“ ทำไมอย่างนั้นถึงเรียกว่าสวย ” ก็ไม่เคยมีใครเฉลยเหมือนกับ ” ทำอย่างไรถึงจะสวยเหมือนอย่างนั้น ” ซึ่งเป็นคำถามที่ดังกว่า
และพอดีใจร้อนอยากสวยชาตินี้ ฉันจึงกวาดซื้อ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประทินผม สถานเสริมความงาม อุตสาหกรรมของศัลยแพทย์ ยันไปถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ดังๆ มาถวายตัวเอง เพราะถ้ามัวแต่ซื้อดอกไม้ถวายวัด ลึกๆแล้วก็ไม่อาจมั่นใจว่าชาติหน้าจะได้เสวยชาติเป็นมนุษย์กับเขาไหม


แม้จะรู้แจ้งแก่ใจว่าทำไมถึงสวย แต่ใช่ว่าจะเข้าได้ถึง เพราะ La Mer Dior Lancôme SK-II Estée Lauder La Prairie อะไรต่อมิอะไร รวมไปถึง ยันฮี ทั้งราคาและส่วนผสมผิดกับนางพญาหน้าเงือกที่ฉันใช้อยู่ชัดๆ เห็นทีความสวยจึงไม่ใช่เรื่องของอำนาจเพียวๆ แต่มีเรื่องชนชั้น ฐานะทางเศรษฐกิจพ่วงมาด้วย ความสวยความงามจึงเป็นเรื่องของคนมีอันจะกิน และเป็นเรื่องไกลตัวของคนหาเช้ากินค่ำ ( อย่าพูดเลย ชนชั้นกลางทำงานงกๆอย่างฉันก็ไขว้คว้าไม่ถึงเหมือนกัน ) “ เพราะฉันรวย ฉันจึงสวย ” จึงเป็นคำตอบชุดใหม่ของปริศนาทำอย่างไรถึงจะสวยสมเหตุสมผลกว่าถวายดอกไม้

...ยิ่งคิดยิ่งให้เกลียด เกลียด เกลี๊ยด เกลียด เกลียด...

เพราะเพียงแค่ซิลิโคนเล็กเท่ายางลบราคานับหมื่น ที่เพื่อนสาวฉันให้หมอศัลยกรรมยัดใส่จมูก ก็สามารถถีบตัวเองออกจากบ้านเกิดภูมิลำเนาตนเองที่ความเจริญและวิทยาศาสตร์เข้าไม่ถึง เต็มไปด้วยผีปอบและความกันดาร แถมบอกฐานะทางเศรษฐกิจนัยๆ ถึงอำนาจในการจับจ่ายที่คนใช้แรงงานไม่มีเท่า


ชาติพันธุ์และฐานะจึงเกี่ยวข้องกับความสวยความงามอย่างดิ้นไม่หลุด โดยเฉพาะชาติพันธุ์นี่แหละที่กำหนดว่าว่ารูปร่างหน้าตาแบบไหนสวยหรือไม่ ยิ่งชาติไหนเจริญมากกว่า ว่ากันว่าเป็นชาติที่มีวิวัฒนาการมากกว่า ย่อมดูดีกว่าบางชาติที่กำลังพัฒนา


ความสวยก็เหมือนความดีและความถูกผิด มันมาเกิดก่อนเรา และถูกกำหนดมาแล้วว่าควรเป็นแบบใด หน้าแบบไหนหุ่นแบบไหนเรียกว่าสวย นิตยสารที่มลังเมลืองไปด้วยนางแบบเฉิดฉาย ภาพตัวแทนของมนุษย์ที่ควรจะเป็น เหมือนหนังสือธรรมะที่บอกว่าคนดีควรจะเป็นอย่างไร เป็นความดีงามของรูปร่างใบหน้าที่ถูกนิยามความหมายจากสื่อ จากความคาดหวังของสังคม ให้มนุษย์ใฝ่ฝันถึงเรือนร่างรูปกายในอุดมคติ เหมือนโลกพระศรีอาริยะในหนังสือพระ


บรรดานางแบบ ดารา พรีเซนเตอร์โฆษณา ที่ฉันบรรจงกรีดนิ้วทีละหน้าหนังสือ พวกหล่อนไม่เพียงแต่โชคดีที่เกิดมาสวย พวกหล่อนยังมีอันจะกิน พอที่จะประคบประหงมผิวพรรณหน้าตา
เพราะความสวยอันเป็นยอดปรารถนาของฉันไม่ได้เกิดขึ้นมาโดดๆ หากแต่ถูกประกอบสร้างขึ้นมาจากกระบวนการชาตินิยม อุดมการณ์ชนชั้นวรรณะและชาติพันธุ์

...เกลี๊ยด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด...

นางแบบในหนังสือเธอได้ใส่เสื้อผ้าที่ฉันอยากให้มันอยู่ตู้เสื้อผ้าบ้านฉันบ้าง พวกเธอสวมรองเท้าที่ฉันอยากใส่เดินเวลาช๊อปปิ้ง พวกเธอสามารถทำในสิ่งที่ฉันอยากทำแต่ทำไม่ได้ พวกเธอจึงเป็นภาพตัวแทนจิตนาการความปรารถนาของฉันที่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง พวกเธอจึงเป็นภาพตัวแทนของมนุษย์ที่ควรจะเป็น มีในสิ่งที่คนอื่นอยากมี ได้ในสิ่งที่คนอื่นอยากได้ พวกเธอเหมือนเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่ฉันขาดไป ไม่แปลกและไม่ดูดัดจริตเลยหากดารางนายแบบนางแบบจะบอกว่าตัวเองเป็นคนของประชาชน เหมือนผู้แทนราษฎร แต่ต่างกันตรงที่ผู้แทนราษฎรไม่เคยสนองสิ่งที่ราษฎรต้องการ

...ฉันแสนเกลียดชังคนสวยทุกคน...