วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

ศัลยกรรม


ทุกครั้งที่ฉันไปตามห้างสรรพสินค้า สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง มือฉันจะพะลุงพะลังไปด้วยถุง ช๊อปปิ้งสารพัดยี่ห้อ ถ้าเอาปากคาบได้ก็คงคาบไปนานแล้ว แลดูไฮโซ มือเปิด กระเฌอก้นรั้ว กระชังหน้าใหญ่ เงินถุงเงินถังช๊อปอะไรทั้งวี่วัน
ความจริงฉันทำงานต่างหากล่ะย่ะ ตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยแถวหน้าของประเทศโลกที่ 3 ฉันก็มาทำงานเป็นสไตลิสต์ให้กับนิตยสารเล่มหนึ่งและแอบทำฟรีแลนซ์ให้กับรายการทีวี เพื่อแลกกับเงินจำนวนไม่กี่พัน อาชีพนี้ฟังดูโก้เก๋ แต่เหนื่อยเป็นบ้า เกิดเสื้อผ้า สร้อย รองเท้าเสือกเจ๊งขึ้นมา ฉันก็โดนเฉ่งปี๋ไม่มีใครจ่ายให้หรอก แล้วที่เด็ดสุด เกิดมาท้องพ่อท้องแม่ฉันยังไม่เคยใส่ร้องเท้าให้เลย แต่ดารา นางแบบ พวกหล่อนเป็นใครยะ

ชิส์...แต่ฉันก็ทำ…

เหมือนเวรกรรมจะมีจริง เมื่อฉันต้องหาเสื้อผ้าถ่ายแบบให้กับนายแบบหล่อเหลา สูงล่ำ ถ่ายโฆษณาเอ็มวีเพลงฮิตๆ แม้จะไม่ดังมากแต่ก็ดังพอที่ไม่สมควรขึ้นรถเมล์ทั้งๆที่ยังไม่มีรถขับ ผิดกับสมัยตอนเรียนมัธยม ที่ตัวผอมบักโกรก ขี้โรค และขี้แย และมักถูกฉันคอยกลั่นแกล้งไถเงินเป็นประจำตอนสมัยเรียนมัธยมร่วมกัน

ต๊าย...ดูตอนนี้สิ

ฉันเอนท์ติดเรียนจบมหาวิทยาลัยชื่อดังกว่า เรียนเก่งกว่า เสียอย่างเดียวหน้าตาแย่กว่า เลยได้งานที่รายได้น้อยไม่เท่าแก แถมต้องทำงานเหนื่อยกว่าตั้งร้อยเท่าพันทวี

คิดๆแล้วรู้สึกว่ามีเปลวอัคคีในตาร้อนผ่าวลุกโชนขึ้นมาทันที

ฉันต้องทำศัลยกรรมแล้วสิ อย่างน้อยที่สุดก็ทั้งหน้า เฮ้อ..ได้แต่ถอดหายใจ เงินเดือนแค่นี้มันจะไปทำไรได้วะ ก็ใครบ้างล่ะไม่อยากสวย ก็เห็นๆอยู่ว่าสวยแล้วมันทำอะไรได้มากมายกว่าคนไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ตั้งหลายอย่าง ต่อของก็ได้ราคาถูกกว่า เวลาไปเที่ยวก็มีคนมาเลี้ยงเหล้าให้ เผลอๆเกิดโมเดลลิ่งมาคว้าตัวไป ได้เป็นดารานางแบบได้หนุ่มไฮโซเป็นแฟน มีเสี่ยมาเลี้ยง พอมีรายได้เป็นกอบเป็นกำก็หากิจการร้านอาหาร ทำสปา ผับบาร์ก็ว่าไป ไม่ต้องเรียนหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้ติดมหาวิทยาลัยดีๆ ได้เกียรตินิยม ปริญญาหลายใบเพื่อสร้างคุณค่าให้กับตนเอง

แถมโอกาสก็มากกว่า คนไหนหล่อๆหน่อย ไปทำระยำตำบอน ก็ดู bad boy ดี เท่ห์เป็นบ้า ต่อให้โง่ดักดานแค่ไหน ถ้าหน้าสวย ก็ดูแอ๊บแบ๊ว ไร้เดียงสาหน้าหยิกหยอก

ฉันไม่ได้เกิดจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์หน้าตาดีที่มีโครโมโซมหล่อๆยีนสวยๆ สักหน่อย ในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ แต่ฉันก็เลือกสวยได้ ด้วยศัลยกรรม

ถ้าฉันสวยฉันจะมีความสุขมากกว่าเดิม การทำศัลยกรรมจึงเป็นแสวงหาและกำหนดความสุขด้วยตัวเอง
ไม่ต้องมารอให้ใครกำหนดให้ แค่ตอบสนองความปรารถนาตนเอง จะเรียกๆให้เก๋ๆก็คือฉันมี
self-determination

การไปทำศัลยกรรม ชะลอความแก่ ลดความความอ้วน จึงไม่ใช่ความไม่รู้จักพอดีหรือไม่ “ พอเพียง ” ซึ่งมันไม่ได้เข้ากับบริบทชนชั้นกลาง และเป็นการสร้างเสถียรภาพให้ชนชั้นสูงมากกว่า

เดี๋ยวนี้คนไปทำศัลยกรรมกันมากขึ้นเพราะคนสมัยนี้คนสามารถค้นหาความปรารถนาของตนเอง ฉันค้นหาความสุขด้วยตนเอง

ต่างจากคนสมัยก่อนที่กำหนดความสุขเองไม่เป็น คอยแต่พร่ำบ่นสวดมนต์เพื่อให้ผีฟ้าเทวดาประทานความสุขความต้องการ เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างพระเจ้ากำหนด ไม่ก็กรรมแต่ชาติปางก่อนลิขิต ชาติที่แล้วไม่ทำบุญด้วยดอกไม้ ชาตินี้เลยไม่สวย เป็นเพราะเทพเจ้าเธอปั้นจากดินเหนียวแบบชุ่ยๆเธอเลยไม่สวยหน้าตาพิกลพิการ

ความสุขในสมัยโบราณ คือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้หรือกรรมบันดาล เราจะสร้างขึ้นมาเองไม่ได้ ความสุขสมัยก่อนจึงเป็นเรื่องไกลตัว ยิ่งสังคมจารีตที่ผูกพันกับศาสนายิ่งแทบหาความสุขไม่ได้ เพราะเกิดมาก็เป็นทุกขังแล้ว ไม่ก็เกิดมาก็มาบาปติดตัวเพราะทวด” อดัม ” กับทวด “ เอวา ”ดันไปขัดคำสั่งพระเจ้า ลูกหลานเลยมี original sin ติดมากับดีเอ็นเอ

หากแต่การสนองตามความต้องการและเสวงหาความสุขจึงเป็นเรื่องที่เราสามารถสรรหาได้เองในสมัยใหม่ แม้แต่คำถามที่ว่า “ โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร ” ก็เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ 10 ปีมานี่เอง

คนสมัยก่อนไม่ได้ไปทำศัลยกรรม ไม่ใช่เพราะมันไม่มีที่ให้ทำอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำนอกเหนือจากลิขิตของพระผู้เป็นเจ้าหรือกรรม

หลังจากที่ไตร่ตรองมาเนิ่นนาน ผ่านกระบวนการระดมสมองความคิดเห็นจากคนรู้จัก สัมภาษณ์เชิงเจาะลึกกับผู้เคยผ่านการทำศัลยกรรม ฉันจับแท็กซี่ไปโรงพยาบาลด้วยความมุ่งมั่นที่ข่มความหวาดกลัวในใจ

ฉันบรรจงบอกกับหมออย่างละเอียดว่า ช่วยยกหางตาที่มันตกๆขึ้น แล้วก็เอาถุงใต้ตาใหญ่ๆออกให้หน่อย แล้วทำจมูกให้โด่งเป็นสัน อ้อ...เก็บปีกจมูกด้วยเพราะจมูกหนูบาน แล้วก็ช่วยฉีดปากให้เจ่อๆหน่อยนะ เซ็กซี่ดี คางน่ะเหลาให้ด้วยนะ แล้วก็บลาๆ... ฉันสั่งศัลยแพทย์เหมือนสั่งอาหารร้านหน้าปากซอย

หมอเพ่งมาที่หน้าฉันเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มทำส่วนไหนก่อนดี ก่อนที่จะขยับแว่นและยิ้มมุมปากก่อนพูดว่า
“ ผมว่าอย่างคุณคงต้องเริ่มที่คอ ด้วยการตัดทิ้งไปเลยดีที่สุด ”