วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความรัก การเดินทาง และ ส้นตีน



(บทความเนื่องในโอกาส 14 กุมภาพันธ์ 2010 , ขอบคุณ BFF ทั้งหลายที่chatกันในMSN โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีพวกที่กำลังอยู่ในโคลนดูดที่เรียกว่า “ความรัก” จนกลายเป็นวัตถุดิบสำหรับเขียนบทความ บทความนี้กูให้พวกมึงแทนคำขอบคุณย่ะ อีดอก)


ฉันได้ยินหลายคนเอาความรักไปเปรียบกับสิ่งต่างๆนู่นนี่นั่นไม่รู้จบ ซึ่งหนึ่งในอุปมาอุปไมยโหลๆนั้นคือ “ความสัมพันธ์เปรียบเสมือนกับการเดินทางร่วมกัน” แต่ไม่เคยมีใครพูดต่อว่า มันเดินกันไปไหนของมัน สุดสายปลายทางร่วมเป็นยังไง แต่จะชอบพูดอีกทีตอนที่เลิกกันว่า “เรามาถึงทางตันแล้ว” ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ว่าสุดทางที่เราเดินไปพร้อมกันมันเป็นยังไง แต่ที่แปลกกว่าคือ ทั้งคู่มี ”จุดหมายปลายทาง” เดียวกัน
สำหรับฉันแล้วยังหาทั้งจุดหมายปลายทางและเพื่อนร่วมทางไม่ได้ เท่าที่ทำได้คือพกคู่มือเดินทางสักเล่ม อย่างเช่นหนังสือประเภท “how to” ที่ตั้งชื่อประมาณว่า “กินชีวจิต พิชิตโรคร้าย” “ดื่มดอกคำฝอยเพื่อสุขภาพ” หรือไม่ก็ “ร่างกายแข็งแรงด้วยเห็ด3อย่าง” เพราะไม่มีใครดูแลยามแก่ยามเจ็บ
ถ้าเราเชื่อว่าความสัมพันธ์เปรียบได้กับการเดินทางอย่างนั้นจริงๆ เป็นไปได้ไหมที่เท้าของเราเปรียบเสมือนทั้งตัวและหัวใจเรา แล้วความรักก็คือรองเท้าที่ห่อหุ้มเรา... เท้าเราจะไม่สกปรกไม่มีพยาธิไชเมื่อใส่รองเท้า หัวใจของเราจะถูกฟอกให้สดชื่น ชุ่มฉ่ำเมื่อมีความรัก
อุ๊ยตาย! นานๆทีจะromanticizedที เปรียบหัวใจกับส้นตีน...ว่าแต่ว่าคนโสดอย่างฉันก็เป็นพวกเดินตีเปล่างั้นสิ
“I will be your journey and you will be my boat” เสียงเพลง won’t let you fall แว่วมาจากลำโพงสักแห่งในห้างสรรพสินค้าขณะที่ฉันกำลังมองหา “รองเท้า” ดีๆสำหรับไปไหนมาไหนสบายๆสักคู่ ทั้ง boat shoes และความรัก ระหว่างออกเดทกับเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที

“เท้าคุณสวยจัง” คู่เดทออกปากชมขณะฉันลองรองเท้าอยู่ ท่าทางเขากำลังหาเพื่อนร่วมเดินทางที่เท้าสะอาดอยู่ “มีคนบอกว่า เวลาดูใครให้ดูที่เล็บเท้า ถ้าเค้ามีความสามารถในการจัดการเล็บเท้าตัวเองได้อย่างสะอาดสะอ้าน ก็แสดงว่าจะจัดการเรื่องอื่นๆในชีวิตได้ดี” ดูเหมือนว่าสมมุติฐานฉันไม่พลาด เราสามารถเปรียบตัวตนกับเท้าของเราได้ เพียงแต่สงสัยว่า เป็นไปได้ขนาดนั้นเชียวหรือที่เราจะสามารถอธิบายตัวตนและอัตลักษณ์ของคนๆนึงผ่านลักษณะส้นตีน
เล่ากันว่า คนที่มีบุญญาธิการจะมีนิ้วตีนเรียงชิดเสมอกันเสมอกัน เหมือนตีนพระพุทธเจ้า ถ้าอธิบายตัวตนผ่านตีนได้จริงแล้วพระพุทธเจ้าจะจัดการเรื่องๆต่างๆได้ดีหรือไม่ เพราะต้องธุดงค์ด้วยตีนเปล่า หัวแม่ตีนคงมีขี้เล็บส้นตีนคงแตกเป็นรอยดำๆสากๆเหมือนคนงานตามไซด์งาน แต่ในเมื่อมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่จนดอกบัวผุดมารองรับตีนท่านก็คงไม่สกปรกอะไร
ในเมื่อตีนอาจนำไปสู่การอธิบายเรื่อง “ผู้มีบุญ” ชนชั้นและสถานภาพทางสังคมได้จึงไม่แปลกอะไรที่มันจะนำไปสู่การอธิบายการเลือกคู่เพราะก่อนปฏิวัติซินไฮ่ในจีน ตีนนำไปสู่การอธิบายคุณค่า ความดึงดูดทางเพศและรวมไปถึงอนาคตของชีวิตทั้งชีวิตของผู้หญิงชียวนะเออ
ในสมัยนั้นถือกันว่าผู้หญิงเท้ายิ่งเล็กเท่าไร ก็ยิ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นคนสวย ผิดกับหญิงชาวป่า ชั้นต่ำตีนบาน หญิงจีนจึงพยายามมีขนาดเท้าขนาดพอๆกับซองบุหรี่ด้วยกระบวนการรัดเท้า เพราะใครยิ่งเท้าเล็กเรียว 3 นิ้วเหมือนกลีบบัวทองที่ที่โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมยืนเหยียบ ยิ่งมีค่าและได้สินสอดราคาแพง นั่นก็หมายความว่าหล่อนจะได้ผัวรวย เพราะสำหรับสายตาผู้ชายจีนแล้ว เท้าเล็กจิ๋วลอดชายกระโปรงออกมาและสะโพกขยับย้ายขึ้นลงขณะเดินอันเป็นผลจากความพิกลพิการของฝ่าตีน ช่วยกระตุ้นอารมณ์กระสันได้ดี ถึงขนาดจัดงานประกวดนางตีนงามก็มี

...แล้วมันยังมีอิทธิพลต่อการเลือกคู่อีกไหม ในยุคที่ไม่มีการรัดเท้าอย่างเป็นทางการ...

“ โอ๊ยแก ทำไมจะไม่ ฉันแทบคลั่ง เวลาที่มีใครเลียฝ่าเท้า ดูดหัวแม้เท้าเวลาทำรักให้ฉัน รู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าช๊อตจนหัวหลุดไปในอวกาศเลยล่ะ” ท่าทางเพื่อนสนิทอีกคนคงฟังผิดเป็นทำรักกับเท้า ไม่ใช่เรื่องเท้ากับความรัก
“อย่างหล่อนน่ะ ไม่ทันได้เห็นเท้าก็เอากันแล้ว อย่าว่าแต่เท้าเลย ชื่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำ” เพื่อนอีกคนนึงเบรกก่อนจะหันมาถามฉัน “ฉันว่านะ ถ้ามีผู้ชายที่เท้าดำปี๋ มีขี้เล็บ กลิ่นอับเชื้อรา กับผู้ชายเท้าสะอาดเล็บขาวสะอ้าน ไม่เหม็น มาขอออกเดท มึงจะเลือกใคร คนที่พิถีพิถันให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ เวลาออกเดทกับเราเค้าก็น่าจะดูแลและให้ความสำคัญกับเราระดับหนึ่งนะ”
“แต่ฉันดูแลตัวเองเป็น ฉันจัดการเนื้อตัวร่างกายฉันได้เอง ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ชายมากำกับจัดการ” ฉับขอตอบบ้าง “เท้าสะอาดหรือสกปรกมันไม่ได้บอกทั้งหมดของชีวิตเรานี่นา เขาอาจจะเหยียบขี้หมามาแล้วหาที่ล้างไม่ได้ ก่อนมาเจอฉันก็ได้”
“ใช่ไง แต่มึงจะยอมเดทกับผู้ชายที่มีขี้หมาติดตีนทั้งวันเลยหรอ”
ดูเหมือนกว่าอุปมาอุปไมย “ความรักเสมือนการเดินทางร่วมกันระหว่างคนสองคนที่ก้าวไปด้วยกัน” คงไม่เชยชวนเลี่ยนหรือโอเวอร์เกินจริง ตราบใดที่ลักษณะตีนยังสามารถนำไปสู่การนิยามลักษณะบุคคลและเป็นแรงจูงใจให้คนๆนึงอยากจะเดินทางร่วมกับอีกคนๆนึงที่สะอาดสะอ้าน

“แล้วฉันควรดีใจไหมที่ผู้ชายชอบฉันเพราะดูที่ตีนไม่ใช่ที่หน้า”